วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562

https://www.youtube.com/watch?v=2DkVBn4Bidk



 ภาคเหนือ


1. ดอยอินทนนท์ (เชียงใหม่) 


    




                ฮิตทุกปี ฮิตตลอด ลมหนาวมาเมื่อไหร่ดอยอินทนนท์ไม่เคยขาดนักท่องเที่ยว เพราะเป็นจุดสูงสุดแดนสยามพูดได้ว่าถ้าเข้าช่วงธันวาคม-มกราคมก็หนาวแน่นอน ใครโชคดีไปเที่ยวตอนอากาศเย็นได้ที่ก็จะได้เห็นยอดน้ำค้างแข็งอีกด้วย ดอยอินทนนท์ไม่ได้มีเพียงป้ายสูงสุดแดนสยามเท่านั้นที่ทำให้ฮิต บริเวณนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่ต้องไป เช่น พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ, น้ำตกวชิรธาร, น้ำตกแม่ยะ, น้ำตกสิริภูมิ, กิ่วแม่ปาน เป็นต้น


2.ดอยอ่างขาง (เชียงใหม่)



               ดอยอ่างขางฮิตตีคู่มากับดอยอินทนนท์เลยทีเดียว เพราะทั้งหวานทั้งเย็นจนหลายๆ คนยกให้เป็นสถานที่สุดโรแมนติกในช่วงหน้าหนาวกันเลย ในช่วงนี้แทบทั้งดอยจะอบอวลไปด้วยสีชมพูของดอกนางพญาเสือโคร่ง และถ้าเข้าไปที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางก็จะเจอกับดอกไม้นานาชนิดที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด หวานตาหวานใจแล้วก็ต่อด้วยหวานปาก บริเวณดอยอ่างขางมีไร่สตอเบอร์รี่หวานอร่อยและไร่ชาคุณภาพดีอีกด้วย

3.อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง



                 ไม่แปลกที่จะฮิตและมีคนมาเที่ยวกันล้นหลาม เพราะอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยอันดับต้นๆ ของไทยเลยทีเดียว แถมช่วงปลายฤดูหนาวยังมีดอกไม้หลากสีสันบานสวยอีกด้วย จุดชมวิวบริเวณห้วยน้ำดัง (ดอยกิ่วลม) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก เพราะจากจุดนี้เราสามารถมองเห็นดอยเชียงดาวได้ ใกล้ๆ กันยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น น้ำตกห้วยน้ำดัง โป่งน้ำร้อนท่าปาย น้ำตกแม่เย็น เป็นต้น ที่พักของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังมีค่อนข้างจำกัด ดังนั้นหากใครจะมาเที่ยวสามารถเลือกนอนพักที่ปายได้ซึ่งมีที่พักให้เลือกหลากหลาย ตอนเช้ามืดค่อยขับรถมาชมวิว เพราะห้วยน้ำดังและปายอยู่ห่างกันไม่ได้มาก

4. ภูชี้ฟ้า (เชียงราย)



        
        ภูชี้ฟ้าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกยอดฮิตในเชียงรายที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง วิวสวยๆของทะเลหมอกสีขาวที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ภูเขาสลับซับซ้อนและอากาศหนาวๆ ถ้าใครได้มาสัมผัสแล้วจะต้องอยากมาซ้ำอีกครั้งแน่นอน ที่นี่ไม่ได้มีดีที่ทะเลหมอกเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งด้วยเช่นกัน 

5.พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง (เชียงราย)



              "พระตำหนักดอยตุง" หรือ "พระตำหนักสมเด็จย่า" ที่ปลูกสร้างขึ้นมาในกลิ่นอายล้านนาผสมผสานกับความเรียบง่าย ไฮไลท์ของดอยตุงคือสามารถเยี่ยมชมห้องบรรทมและห้องทรงงานได้ (แต่ห้ามถ่ายรูปนะ) อีกจุดคือบริเวณสวนแม่ฟ้าหลวงที่เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสัน และยังมีร้านขายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงอีกด้วย

6.อุทยานแห่งชาติศรีน่าน (น่าน)




            ที่อุทยานแห่งชาติศรีน่านมีจุดชมทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามมากๆ ถึงสองจุด คือที่ดอยผาชู้และดอยเสมอดาว ซึ่งดอยเสมอดาวนั้นเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวฮิตและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในน่าน ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติทั้งในตอนเช้าที่มีทะเลหมอกขาวๆ และตอนกลางคืนที่สามารถมองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าได้อย่างเจน



                           7. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน (น่าน)



                  
                   อุทยานแห่งชาติขุนสถานในช่วงหน้าหนาวนั้นมีบรรยากาศดีและวิวสวยจนลืมเวลา นอกจากทะเลหมอกที่เป็นไฮไลท์หลักแล้ว ถ้าโอกาสดีคุณอาจได้เห็นต้นนางพญาเสือโคร่งผลิดอกสีชมพูตลอดสองข้างทางอีกด้วย บนอุทยานแห่งชาติขุนสถานมีบ้านพักและลานกางเต็นท์ให้บริการสำหรับคนที่อยากนอนค้างเสพบรรยากาศให้เต็มที่ ว่ากันว่าบ้านพักของอุทยานบนดอยแม่จอกนั้นมีวิวที่สวยมากๆ เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา จึงสามารถมองเห็นวิวได้จากเตียงนอนเลยทีเดียว


8. ปางอุ๋ง (แม่ฮ่องสอน)




                ช่วงหน้าหนาวปางอุ๋งจะแน่นไปด้วยผู้คน ทั้งคนที่มาตั้งเต็นท์นอนเก็บบรรยากาศและคนที่มาแวะชมธรรมชาติที่สวยสงบ ไฮไลท์เด็ดของปางอุ๋งที่ถ้ามาแล้วต้องเห็นให้ได้คือภาพของไอหมอกที่ลอยเลียบบนผิวน้ำขอบอกว่าสวยสุดๆ จะมีให้เห็นในช่วงเช้าเท่านั้น ยิ่งตอนพระอาทิตย์ขึ้นแสงแดดจะสะท้อนบนผิวน้ำเป็นสีทองสวยขึ้นไปอีก ใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบใกล้ๆ ก็นั่งแพชิลๆ ล่องไปในอ่างเก็บน้ำได้เลย

9. ดอยแม่อูคอ (แม่ฮ่องสอน)


           ฮิตที่ความสวยไม่เหมือนใครของทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในไทย ขึ้นปกคลุมยอดเขาจนเหลืองอร่ามไปทั่ว ทุ่งดอกบัวตองจะบานสะพรั่งในช่วงที่ลมหนาวเริ่มมาเยือนคือเดือนฤศจิกายน – ธันวาคม ของทุกปี ถ้าขึ้นมาที่จุดชมวิวดอยแม่อูคอจะได้เห็นทิวทัศน์ของทุ่งดอกบัวตองแบบ 360 องศาเลยทีเดียว

10. ดอยผาตั้ง (เชียงราย)





        อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวฮิตของจังหวัดเชียงราย ดอยผาตั้งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ที่จุดชมวิวช่องผาบ่องยังสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงและเห็นยอดภูชี้ฟ้าที่อยู่ห่างออกไปราว 25 กิโลเมตรได้อีกด้วย ในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมนอกจากจะได้สัมผัสอากาศเย็นๆ แล้วที่บริเวณยอดดอยจะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่ว















วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

ภาคอีสาน

1. ภูกระดึง จังหวัดเลย


      
     ภูกระดึงหรืออุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปสัมผัสความงามของสถานที่แห่งนี้มากมาย 

          ซึ่งเส้นทางขึ้นภูกระดึงค่อนข้างชัน นักท่องเที่ยวจะต้องค่อย ๆ เดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ โดยจะมีจุดแวะพักที่"ซำ" หมายถึงบริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมา โดยแต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ ทั้งหมดนี้เป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อทดสอบแรงกายและแรงใจ


สำหรับจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึง เช่น ผานกแอ่น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมากแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่าง อีกทั้งริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นมีดอกกุหลาบป่าขึ้นเป็นดงใหญ่ ซึ่งบานสะพรั่งในเดือนมีนาคมถึงเมษายน, ผาหล่มสัก เป็นลานหินกว้างและมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด จึงทำให้นักท่องเที่ยวและช่างภาพนิยมไปถ่ายภาพที่ผาแห่งนี้ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึง

          
      ป่าปิด เป็นพื้นที่ที่มีความเปราะบาง ปกคลุมด้วยป่าดงดิบ มีลำธารหลากสายและน้ำตกสวยงามมากมาย ได้แก่ น้ำตกขุนพอง และน้ำตกผาน้ำผ่า เป็นต้น เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี นอกจากนี้ภูกระดึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วย เช่น ผาหมากดูก, น้ำตกวังกวาง, น้ำตกเพ็ญพบใหม่, น้ำตกโผนพบ, น้ำตกเพ็ญพบ, น้ำตกถ้ำใหญ่, น้ำตกธารสวรรค์, น้ำตกถ้ำสอเหนือ, น้ำตกถ้ำสอใต้ และสระอโนดาต เป็นต้น

2. สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี


     สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี สถานที่ที่ถูกเรียกว่า "แกรนด์แคนยอนเมืองไทย" ด้วย มีลักษณะของความงามของแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง และวิถีชีวิตริมคลองสองฝั่งโขงนั้นงดงามจนน่ามหัศจรรย์ไม่แพ้แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา 
          โดยสามพันโบกเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินแห่งนี้จะจมอยู่ใต้บาดาล และด้วยแรงน้ำวนกัดเซาะทำให้แก่งหินกลายเป็นแอ่งเล็กใหญ่ จำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือสามพันโบก โดยคำว่า "โบก" ภาษาท้องถิ่นนั้นแปลได้ว่า "แอ่ง" จนเป็นที่มาของชื่อ "สามพันโบก" ในช่วงหน้าแล้งสามพันโบกจะโผล่พ้นน้ำให้เห็นคล้ายภูเขากลางลำน้ำโขง ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกน้ำเซาะมองเห็นเป็นภาพศิลปะ บางแอ่งใหญ่ขนาดเป็นสระว่ายน้ำ บางแอ่งขนาดเล็ก มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามจินตนาการที่สวยงามและน่าอัศจรรย์


             สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของแก่งสามพันโบกทั้งช่วงเช้าตรู่และช่วงยามเย็นพระอาทิตย์อัสดง ก็จำเป็นต้องหาและจองที่พักล่วงหน้า โดยที่พักส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมหาดสลึง จุดลงเรือท่องเที่ยวนั่นเอง มีที่พักสวยหลากสไตล์ทั้งแบบเห็นวิวหาดทรายและแม่น้ำโขงแบบใกล้ชิด หรือที่พักราคาประหยัดก็มีให้บริการ ในด้านอาหารการกินก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่หาดสลึงก็มีร้านอาหารอร่อยมากมายบริการคุณทั้งเมนูปลาแม่น้ำโขง อาหารไทยตามสั่งทั่วไป อาหารพื้นบ้าน และอาหารอีสานมากมายให้คุณเลือกชิมกันจนอิ่มหนำสำราญ
      ทั้งนี้การเที่ยวชมสามพันโบกสามารถเลือกได้สองวิธี คือนั่งเรือชมวิวไปเรื่อย ๆ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ไปจนถึงสามพันโบก หรือจะขับรถไปจนถึงสามพันโบกเลยก็ได้สำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวน้อย แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมนั่งเรือชมวิวสวยสองฟากฝั่งและยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจก่อนถึงสามพันโบกให้ได้ตื่นตาตื่นใจอีกด้วย เช่น หาดสลึง หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำมูล ในฤดูแล้งน้ำโขงลดลงจะเผยให้เห็นหาดทรายสวยงาม เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนสบาย ๆ ยามที่น้ำแห่งจัด ๆ จะเผยให้เห็นหาดทรายยาวตลอดแนวถึง 860 เมตร เลยทีเดียว, ปากบ้อง จุดที่แม่น้ำโขงไหลพาดปะทะแนวเทือกเขาภูพานตอนปลาย การปะทะกันของพลังธรรมชาติก่อให้เกิดภูมิประเทศแสนมหัศจรรย์ ลักษณะเหมือนคอขวดเป็นจุดที่แม่น้ำโขงแคบที่สุด ส่วนที่แคบที่สุดวัดได้กว้างเพียง 56 เมตร

     หินหัวพะเนียง เกาะหินขนาดใหญ่ขวางกลางแม่น้ำโขง ทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย หรือสองคนในภาษาท้องถิ่น จึงเป็นที่มาของชื่อบ้านสองคอน หินหัวพะเนียงรูปร่างคล้ายอุปกรณ์ประกอบคันไถไม้ (ในภาษาไถเหล็ก) ชาวบ้านจึงเรียกว่าหินหัวพะเนียง

          ผาหินศิลาเดช ร่องรอยประวัติศาสตร์สมัยฝรั่งเศสเรืองอำนาจในแถบอินโดจีน ฝรั่งเศสได้นำเรือกลจักรไอน้ำขนส่งสินค้าระหว่างหลี่ผี-เวียงจันทน์ ผ่านมายังไทย มีการสลักตัวเลขที่หน้าผาหินบอกระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ และหาดหงส์ เนินทรายแม่น้ำโขงขนาดมหึมาเกิดจากการพัดพาของน้ำและนำตะกอนทรายมาทับถมกัน จนทำให้เป็นพื้นทรายกว้างใหญ่ ช่วงเวลาที่นิยมมาเที่ยวจะเป็นช่วงก่อนพระอาทิตย์อัสดง แสงเหลืองส้มอ่อน ๆ สะท้อนกับพื้นทรายสีขาวระยิบระยับสวยงามที่สุด


3. พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม

           
         พระธาตุพนม หรือวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร วัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ที่เป็นปูชนียสถานที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน ซึ่งผลจากการขุดค้นทางโบราณคดีลงความเห็นว่าพระธาตุพนมสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1200-1400 ตามตำนานกล่าวว่าผู้สร้างคือพระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ และท้าวพระยาเมืองต่าง ๆ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ ลักษณะของสถาปัตยกรรมมีแหล่งที่มาที่เดียวกันกับปราสาทของขอม และได้ทำการบูรณะเรื่อยมา ในปี พ.ศ. 2485 ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกขึ้นเป็น "วรมหาวิหาร"




4. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี




          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง หรือแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่เศษ จัดแสดงวิถีชีวิตของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 1,822-4,600 ปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี

5.เชียงคา จังหวัดเลย





       เชียงคาน  อำเภอเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขงในจังหวัดเลย ว่ากันว่าเสน่ห์ของเชียงคานอยู่ที่ความเงียบสงบ ผู้คนท้องถิ่นที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ในย่านชุมชนยังคงมีห้องแถวไม้ บ้านไม้เก่าแก่ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ เป็นเสน่ห์ที่สุดคลาสสิกของเชียงคาน บางแห่งตกแต่งทำเป็นที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้าสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนแบบสบาย ๆ ใกล้ชิดกับชุมชน 












สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

ภาคกลาง

1.วัดพระแก้ว (กรุงเทพ)


วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สะกดทุกสายตาด้วยความวิจิตรสวยงาม เป็นวัดคู่บ้านคู่มืองของไทยเรา อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ไว้อีกด้วยค่ะ ที่นี่มีผู้เข้าชมแบบไม่ขาดสายทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ เรียกได้ว่าหากมาที่ กรุงเทพฯ และไม่มาชมความสวยงามที่วัดพระแก้วแล้วล่ะก็ถือว่ามาไม่ถึง กรุงเทพฯ กันเลยทีเดียว

2.วัดคีรีวงศ์ (นครสวรรค์)


วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่ที่บนเขาดาวดึงส์ มี องค์พระจุฬามณีเจดีย์ มหาเจดีย์สีทองสง่าสวยงาม มองเห็นได้อย่างชัดเจน สะดุดตาจนมีนักท่องเที่ยวแวะมาสักการะกันมากมาย เพราะความสวยงามของวัด และเมืองนครสวรรค์ หากมาช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินจะเห็นความงดงามเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ใครที่อยากชมวิวแบบชัดๆ สามารถขึ้นไปบนหอชมเมืองที่สามารถมองวิวได้โดยรอบถึง 360 องศาเลย

3.บึงสีไฟ (พิจิตร)


     จุดท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองพิจิตร แลนด์มาร์คสำคัญที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ บึงสีไฟ ที่นี่จะมีจุดท่องเที่ยวที่น่าถ่ายภาพอยู่หลายมุมไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นชาละวันที่ถูกยกให้เป็นรูปปั้นจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บ่อจระเข้ที่มีจระเข้เยอะสุดๆ ระหว่างเดินชมรอบๆ ก็สามารถแวะที่ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เพื่อพักเหนื่อยให้อาหารปลาแบบสวยๆ ถ่ายรูปสวยอวดเพื่อนแบบเก๋ๆ

4.ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง  (นครปฐม)

          คนที่ชอบความชิลล์แบบไทยๆ ชวนมาเที่ยวตลาดน้ำ ลงเรือ ชมบัวแดงกันที่ ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง ณ บางเลน ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่นครปฐม นี่เองค่ะ ขับรถชิลล์แป๊ปเดียวถึง 

           ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง ณ บางเลน ตั้งอยู่กลางทุ่งนาและทุ่งบัวแดงสวยๆ เป็นที่เที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสธรรมชาติ ความสวยงามของบัวแดง มีร้านค้า และร้านอาหารอร่อยมากมายกว่า 80 ร้านค้าเลยทีเดียว แน่นอนว่า ของอร่อยเพียบ 

                       5.น้ำตกสาริกา (นครนายก)

            
        น้ำตกสาริกาน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงจากหน้าผาถึง 9 ชั้น กับธรรมชาติสีเขียวขจีมีมุมสวยๆ ไว้ให้เล่นน้ำเบาๆ ถ่ายรูปชิคๆ ยิ่งถ้าไปในฤดูฝนก็จะมีน้ำมากเป็นพิเศษ จึงทำให้ส่วนใหญ่จะมีนักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปช่วงหน้าฝน เพราะเห็นธรรมชาติได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์เหมาะกับการเล่นน้ำสุดๆ

6.วัดมหาธาตุ (ชัยนาท)


                 วัดมหาธาตุ หรือ วัดหัวเมือง แหล่งโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดชัยนาทที่ถูกสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดจะเห็น พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ และสิ่งที่จะไม่ไปเดินชมไม่ได้เลยก็คือ พระปรางค์กลีบมะเฟือง ที่มีความสวยงามอ่อนช้อย รวมถึงรอยพระพุทธบาทเก่าแก่ และหลวงพ่อใหญ่อายุกว่า 700 ปี ที่หลายคนเข้าไปชมกันแบบไม่ขาดสาย ใครที่ชอบแหล่งโบราณสถานหรือเรื่องราวประวัติศาสตร์พลาดไม่ได้เลยค่ะ

7.วัดท่าซุง  (อุทัยธานี)


        วัดจันทาราม หรือ วัดท่าซุง ที่หลายคนรู้จักกันดีว่ามีวิหารแก้ว 100 เมตรที่ประดับด้วยกระจกโมเสกสีขาวใสวิบวับ และยังคงเป็นที่เก็บรักษาสังขารของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ อยู่ในโลงแก้ว ตั้งภายในวิหารแก้ว 
       แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจภายในวัดท่าซุงนั่นก็คือ ปราสาททองคำ ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาออกว่าอลังการขนาดไหน ด้วยการใช้ทองคำเปลวฉาบทั้งตัวปราสาทจนได้ปราสาทสีทองตระการตา เรียกได้ว่านอกจากอิ่มบุญแล้วยังอิ่มใจด้วยค่ะ


                        8.อ่างเก็บน้ำหุบวง (สุพรรณบุรี)


             พักในแพเหนือน้ำกลางป่า บรรยากาศโรแมนติกเหมาะที่จะไปพักผ่อนร่างกาย รับบรรยากาศบริสุทธิ์ชิลล์ๆ หรือว่าจะกางเต็นท์นอนสบายๆ ใกล้ชิดธรรมชาติก็ดีไปอีกแบบ ภายในอ่างเก็บน้ำจะมีเรือพาย และจักรยานไว้คอยบริการให้กับนักท่องเที่ยวด้วยล่ะค่ะ สามารถแชะภาพรัวๆ ได้ทุกมุม 

            แถมมีมุมตกปลาไว้คอยบริการเอาไว้แก้เบื่อ และยังสามารถทำอาหารได้อีกด้วย แม้ที่อ่างเก็บน้ำยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ตอนกลางคืนจะมีคบเพลิงเก๋ๆ คอยให้แสงความโรแมนติก และแสงสว่างอยู่ตลอด บอกเลยค่ะว่าที่นี่เหมาะที่จะมาเที่ยวกับหวานใจจริงๆ

9.สะพานแดงจุดชมวิวปลาโลมา (สมุทรสาคร)

       สะพานสีแดงสีสันสดใสเป็นสะพานไม้ยาวอยู่ใกล้ตรงด้านหน้าศาลเจ้าพ่อมัจฉานุ เดินเข้ามาก็จะเห็นสะพานสีเด่นมาแต่ไกลเลยค่ะ ด้วยความยาวของสะพานทำให้เดินรับลมทะเลเย็นๆ ฉ่ำๆ ชมวิวป่าชายเลน มีจุดให้นั่งปิกนิกให้ปูเสื่อนั่งเม้าท์ได้อีกด้วย 
           ถ้าได้ไปเที่ยวตอนช่วงเย็นจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ จึงมีนักท่องเที่ยวจะมาหนาตาในช่วงเย็น ส่วนใครอยากที่จะดูน้องโลมาน่ารักๆ แล้วล่ะก็ต้องไปตอนหน้าหนาวค่ะ เพราะส่วนใหญ่โลมาจะมาให้เห็นช่วงหน้าหนาวเป็นส่วนใหญ่ ใครที่อยากถ่ายรูปชิคๆ ก็ขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ


                           10.บางปู (สมุทรปราการ)


        บางปู แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดสมุทรปราการ พูดได้เลยว่ามาถึงสมุทรปราการต้องมานั่งกินปู ชมวิวสวยๆ พอกินอาหารแสนอร่อยเสร็จแล้วสิ่งที่ลืมไปไม่ได้คือ ให้อาหารนกนางนวลที่บินร่อนรออาหารจากนักท่องเที่ยว 
                โดยส่วนใหญ่นั้นจะมีนักท่องเที่ยวมาในช่วงหน้าหนาวเยอะเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่นกนางนวลจะอพยพหนีความหนาวลงมาที่บางปูจึงทำให้มีนกอีกหลากหลายสายพันธุ์ จนหลายคนอดใจไม่ไหวที่จะต้องถ่ายภาพคูลๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก 


11.ภูทับเบิก (เพชรบูรณ์)


      หากพูดถึงทะเลหมอก ภูทับเบิกถือเป็นหนึ่งที่ที่มีคนพูดถึงบ่อยมากๆ ที่หนึ่งที่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว เป็นที่เที่ยวที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ ด้วยธรรมชาติที่โอบล้อมรอบตัว และอากาศที่บริสุทธิ์ ทั้งตอนเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ตอนกลางคืนดวงดาวจะเห็นได้ชัดเจนมี ความสวยงามแตกต่างกันแต่ก็แฝงความโรแมนติกเอาไว้


12.วัดไชยวัฒนาราม (อยุธยา)


อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา แหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยโบราณสถานที่สำคัญของประเทศ และ หนึ่งในวัดที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชม และรู้จักกันดีก็คงเป็น วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งภายในวัดมีโบราณสถานอยู่หลายอย่างที่ยังคงความสมบูรณ์สวยงาม 
     แม้จะมีบางส่วนที่พังทลายลงบ้างตามกาลเวลา แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชม โดยเฉพาะพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ พระปรางค์สำคัญของวัดแห่งนี้ และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลายคนสนใจคือ วัดแห่งนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้งนั่นเองค่ะ




                  13.อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น (สระบุรี)


       อุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น ที่มีลานหินกว้างเรียงลดหลั่นกันลงมาทั้งหมดสามชั้นเป็นระเบียบเหมือนขั้นบันไดแปลกตา จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกสามหลั่นนั่นเองค่ะ ด้วยความที่ธรรมชาติยังสมบูรณ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเท่าไหร่นัก เลยเป็นแหล่งตั้งแคมป์ยอดฮิตของจังหวัดสระบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางมาที่อุทยานฯ


14.วัดมหาธาตุ  (สุโขทัย)


     วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ภายในอุทยานประวิติศาสตร์สุโขทัย ถือเป็นวัดสำคัญมากในยุคสุโขทัย ที่สวยงามโอบล้อมด้วยบ่อบัว มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นทำให้ยังคงความร่มรื่นอยู่ นับว่าเป็นวัดที่อลังการสุดๆ หากยังคงสมบูรณ์ครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะก็คงไม่ต้องพูดถึงความสวยงามเลยทีเดียวค่ะ

15.เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (ลพบุรี)


      เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีชื่อเสียงของจังหวัดลพบุรี เดินทางสะดวก แถมที่เขื่อนมีบริการรถรางสำหรับพาชมรอบเขื่อนนั่งรับลมชิลล์ๆ แบบไม่กลัวร้อน ถ่ายรูปสวยได้ไม่หวั่น 
        รถรางจะมีจุดจอดให้สักการะ พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงปู่ป่าสัก พร้อมกับซื้อของที่ระลึกและของฝากกลับบ้านได้ด้วยค่ะ พอเที่ยวที่เขื่อนเสร็จแล้วสามารถไปชมทุ่งดอกทานตะวันที่อยู่ไม่ไกลเขื่อนมากนักค่ะ







https://www.youtube.com/watch?v=2DkVBn4Bidk

  ภาคเหนือ 1. ดอยอินทนนท์ (เชียงใหม่)                         ฮิตทุกปี ฮิตตลอด ลมหนาวมาเมื่อไหร่ดอยอินทนนท์ ไม...